ABOUT ME
เกี่ยวกับ งานให้บริการรับจัดงานศพ
สวัสดีคะ ดิฉันชื่อ ณภัค ทองภูเบศร์ อาชีพก่อนที่จะทำงานด้านรับจัดงานศพ ดิฉันทำงานประจำให้กับบริษัทต่างชาติ ดูแลในส่วนของระบบให้กับอาหารในกลุ่มแช่เยือกแข็ง ก่อนและหลังส่งออกไปตลาดยุโรปและอเมริกาแบบ One stop services
การทำงานกับบริษัทต่างชาติ ทำให้ดิฉันมีวันหยุดยาวแบบหลายวันมาก ( ทำงาน 30 วัน ) เลยได้มีโอกาศศึกษาธรรมะ และการที่ได้ไปปฎิบัติธรรมแต่ละครั้ง เหมือนการได้ไปพักผ่อนทางใจและได้อยู่กับตัวเอง 100% ทำให้จิตใจสงบขึ้น และมีอิสระจากปัจจัย หรือ สิ่งกระทบภายนอกมากขึ้น
เรื่องเครียด ๆ ในสมองก็เบาบางลงมาก ทำให้ทุกครั้งที่มีวันหยุดก็จะไปปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดเหมือน เพื่อทำความสะอาดจิตใจ และตะกอนทางความคิดที่สะสมมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน
แต่จุดเปลี่ยนที่แท้จริงของดิฉัน ก็คือ ได้มีโอกาสลงคอร์สเรียน การเตรียมความพร้อมก่อนตายด้วยใจสงบ คอร์สนี้ได้เปลี่ยนมุมมอง และวิธีการใช้ชีวิตของดิฉันไปอย่างสิ้นเชิง
เป็นคอร์สที่จะเหมือนบังเอิญก็ว่าได้ เพราะดิฉันไม่ได้สมัครคอร์สเรียนนี้ด้วยตัวเอง ไม่เคยนั่งสมาธิ และ ไม่เคยคิดที่จะทำ หลังจากกลับมาจากการเดินทางท่องเที่ยว ทางครอบครัวก็บอกว่า ได้สมัครเรียนไว้ให้แล้ว บอกวันเวลา และ เตรียมของใช้ส่วนตัวให้ ดิฉันก็ไปลงคอร์สเรียนแบบไม่รู้อะไรเลย เหมือนทำตามหน้าที่เพียงเพราะไม่อยากให้คนที่สมัครให้เสียใจ
ในระหว่างการเข้าคอร์ส ดิฉันตั้งใจปฏิบัติ แต่ก็ยังคงกระวนกระวายใจเฝ้านับคืน-นับวัน ว่าเมื่อไหร่จะครบ 7 วัน มีความเบื่อ เหนื่อย ขี้เกียจ ฟุ้ง สงสัย ตลอดเวลาทั้ง 7วัน… แต่สิ่งที่ฉันได้สัมผัสหลังจากครบ 7 วัน คือ ความเบาสบายความสุขที่นุ่มลึก ความสุขที่เกิดจากความสงบซึ่งตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดมา ดิฉันแทบไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้เลย
ทำให้ดิฉันเริ่มทบทวนตัวเองถึงการใช้เวลาในชีวิตที่ผ่านมา 30 ปีของดิฉัน… ดิฉันเหมือนคนขาดทุนที่ได้มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว… แต่ดิฉันไม่เคยสะสมอริยทรัพย์ให้ตัวเองเลย
หมายเหตุ: อริยทรัพย์ คือ ทรัพย์อันประเสริฐที่มี 7 ประการคือ
1. ศรัทธา 2. ศีล 3. หิริ 4.โอตตัปปะ 5.พาหุสัจจะ 6. จาคะ 7. ปัญญา
ซึ่งก่อนหน้านี้ ดิฉันไม่เคยคิดถึงความตายเลย กลับมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว …แท้จริงแล้วความตาย เป็นสิ่งที่แน่นอนทุกคนหลีกหนีไม่พ้น และกำลังรอคอยดิฉันอยู่เบื้องหน้า และเมื่อเวลานั้นมาเยือนชีวิตของเรา ไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้เลยนอกจาก “บุญและบาป”
หลังจากนั้นดิฉันก็เริ่มมีคำถามกับตัวเองว่า ดิฉันได้มีการจัดเตรียมความพร้อมก่อนตายอะไรไว้บ้าง 1. ทางด้านร่างกาย 2. จิตใจ และจิตวิญญาณ คำตอบคือ ” ศูนย์ ” ดิฉันจึงเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองของตัวเองในการใช้ชีวิต
- ทางด้านร่างกาย ปรับเปลี่ยนการทานอาหาร โดยทานอาหารเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น พระอาจารย์ที่สอนเรื่องวิปัสนาได้ให้แง่คิดไว้ว่า “เราต้องอาศัยร่างกายนี้ เป็นเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการศึกษาธรรม ”
- ทางด้านจิตใจ และจิตวิญญาณ พยายามเข้าคอร์สอบรมเกี่ยวกับวิธีการคิด เข้าคอร์สปฏิบัติธรรมเพื่ออบรมจิตของตัวเองเพื่อทำความรูู้จักกับตัวเองให้มากขึ้น และอบรมตัวเองเพื่อ ลด-ละ-เลิก กิเลสอย่างหยาบ
งานรับจัดงานศพ…
ได้ให้ประโยชน์มากมาย ที่ไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน ดิฉันเปรียบเสมือนนักเรียน ที่มีร่างผู้วายชนม์เป็นครู ที่สอนธรรมะให้ดิฉันได้อย่างดีเยี่ยมและ ช่วยขัดเกลากระบวนการคิด และ วิธีการดำเนินชีวิต เป็นเสมือนการแจ้งเตือน และนับเวลาถอยหลัง ให้กับชีวิตของดิฉันเช่นกัน
ทำให้เห็นคุณค่าของเวลา และ คนที่รักเรา, ครอบครัว และ เพื่อนมนุษย์…ร่างทุกร่างคือผู้มีพระคุณ สอนให้ได้ตระหนักว่า “เวลาของฉันเหลือน้อยลงทุกวัน”
การได้ดูแลในวาระสำคัญเช่นนี้เปรียบเสมือน ได้สะสมอริยทรัพย์ไปในเวลาเดียวกัน และดิฉันมีความเชื่ออย่างหมดหัวใจว่า…การจากลาที่แท้จริงก็คือการเปลี่ยนภพภูมิปัจจุบัน ไปสู่ภพภูมิใหม่… ซึ่งเราไม่มามารถพิสูจน์ได้ว่าชีวิตหลังความตายเป็นเช่นไร แต่ดิฉันเชื่อและศรัทธา ” ในการสร้างเหตุที่ดีเสมอ “
ความตายไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหากเรามีมุมมองที่ถูกต้อง การไม่ได้เตรียมความพร้อมอะไรไว้เลยต่างหากเป็นสิ่งที่น่ากลัว การเป็นมิตรกับความตายจึงเป็นเรื่องที่เราพึงกระทำและระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา เพื่อความไม่ประมาทในการใช้ชีวิต เพราะเราทุกคนมีความตายอยู่เบื้อง หน้า..เปลี่ยนความตายให้กลายเป็นความสุข Happy dead day